วันเสาร์

อ่านแล้วรวย:เพิ่มยอดขาย จะได้รวย


       อ่านแล้วรวย  จะพูดเคล็ดลับสร้างความร่ำรวยต่อจากบทความที่แล้ว  ขายไง ให้รวย  เมื่อจะพูดกันถึง  "การเพิ่มยอดขาย" ผมตั้งหลักการเบื้องต้นว่านั่นแสดงว่าเราต้องมี "ยอดขาย" ก่อน เมื่อมีหรือเมื่อรู้แล้วว่ายอดขายของตนมีเท่าไหร่ ค่อยไปว่ากันต่อไปว่าแล้วอยากจะเพิ่มยอดขายไหม? จะเพิ่มยอดขายกันอีกเท่าไหร่? จะเพิ่มยอดขายกันอย่างไร? และจะเพิ่มยอดขายกันเมื่อไหร่? 
        เป็นไปได้มากว่าการที่ยอดขายไม่เพิ่มนั้น อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ :- 
      - เราขยันขายน้อยไปหน่อย เรายังขายไม่เต็มที่
      - เราขายสินค้าเพียงบางชนิด ทั้งๆที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่จะขายอยู่ตั้งเป็นร้อยๆชนิด
      - เราขายให้กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อต่ำมากเกินไป ซึ่งทำให้แม้ขายได้ปริมาณมาก
        แต่กลับมีมูลค่าเป็นตัว เงินน้อย
      - เราไม่เคยเก็บสถิติ หรือจดบันทึกการทำงาน ไม่เคยทำสรุปใดๆไว้เลยว่าคนที่ซื้อซื้อเพราะอะไร
        คนที่ไม่ซื้อ ไม่ซื้อเพราะอะไร

ซึ่งยังอาจมีรายละเอียดต่อไปอีกได้ว่า คนที่น่าจะซื้อแต่กลับไม่ซื้อ
        เพราะอะไร คนที่ไม่น่าจะซื้อแต่ดันซื้อ เป็นเพราะอะไร ฯลฯ เราจะทำอะไรได้อีกบ้างในลำดับ
        ต่อไป
      - เราไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราพอใจกับยอดขายในปัจจุบันของเราแล้วหรือไม่ และถ้าไม่พอใจ
        เราพอใจยอดขายที่เท่าไหร่ แล้วจะทำให้มันได้ตามที่เราอยากได้นั้นอย่างไร เมื่อไหร่?
     - เอาเข้าจริง เราไม่เคยตัดสินใจลงไปให้เด็ดขาดว่าเราต้องการอะไร เราต้องการแค่ไหน เราจะแลก
        อะไรไปเพื่อได้สิ่งนั้นมา!
      - เรายังไม่ได้สร้างทีม เรายังไม่ได้สร้างเครือข่ายองค์กรที่มากพอ
         และที่ดีพอ เพื่อทำให้การขายของเรามีลักษณะทวีคูณ  
      - เราเอาแต่แสวงหาแรงบันดาลใจมากเกินไป แต่ลงมือทำอะไรสักอย่างน้อยเกินไป
      - ฯลฯ
        คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และโธมัส อัลวา เอดิสัน สามารถตอบโจทย์ข้างบนได้ดี และ
สามารถทำให้เราทราบว่าเราจะเพิ่มยอดขายได้อย่างไร 

        ไอน์สไตน์บอกว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"ส่วนเอดิสันก็ช่วยขยายความต่อให้ว่า “ความสำเร็จเกิดจากจินตนาการ 1% และเกิดจากการลงมือทำ 99%” และไอน์สไตน์ก็ช่วยทำให้เรื่องมันจบด้วยการสรุปว่า “การทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิมนั้น เป็นความวิกลจริตอย่างหนึ่ง!” 
        จากคำกล่าวของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง เบื้องต้นเราต้องมีจินตนาการก่อน จินตนาการคือการกล้าคิดใหญ่ กล้าฝันไกล กล้าใฝ่สูง นั่นคือเราต้องตั้งเป้าหมายยอดขายของเราให้ได้เสียก่อนว่าเราต้องขายให้ได้เท่าไหร่ เราต้องการรายได้ที่ตัวเลขอะไร เลขกี่หลัก เราต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าเราต้องการอย่างนั้นจริงๆ มีคำกล่าวว่า “เราได้รับตามที่เราได้เลือกและตัดสินใจไว้เท่านั้น” และ “คนที่ไม่รู้ว่าตนเองอยากไปอยู่ ณ ที่ใด มักได้ไปอยู่ในที่ที่ตนเองไม่อยากไปอยู่!” เช่นเดียวกัน คนที่ไม่รู้ว่าตนเองควรได้รับรายได้ที่เท่าใด มักได้รับรายได้เป็นจำนวนที่ตนเองไม่ต้องการเสมอ (แน่นอน ได้น้อยกว่าที่อยากได้เสมอ) 
        เมื่อเราได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ ขั้นต่อไปก็คือต้องวางแผนเพื่อปฏิบัติการให้ได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นการหาวิธีการ ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อทำให้ได้ตามแผน และเพื่อให้มันบรรลุเป้าหมายนั้นให้จงได้ ก็ต้องไปดูว่าเราขาดเหลือ (เครื่องมือ คนช่วย วิธีการ ฯลฯ) อะไรอยู่หรือเปล่า ถ้าขาดก็ไปหามาเพิ่ม ถ้าเกินก็ตัดมันทิ้งไป อย่าเก็บเอาไว้ให้เป็นภาระถ่วงความเจริญ 
        จากนั้น เราก็ต้องมุมานะขับเคลื่อนทุกอย่างตามที่ได้ตั้งเป้าหมาย และตามที่ได้วางแผนการไว้ เพราะต่อให้เป้าหมายหรูเริ่ดปานใด แผนงานสุดวิเศษไร้ที่ติขนาดไหน ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลยถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำมันอย่างจริงจัง จากนั้นก็ต้องมีการสำรวจตรวจสอบความคืบหน้า พัฒนาส่วนที่ถูกต้อง แก้ไขส่วนที่ผิดพลาด ต้องมีการประเมินผลทุกระยะ 
         ในกระบวนการทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้ ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ว่าจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ และจะสิ้นสุดเมื่อใด ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็นอน เพราะถ้าอีหรอบนี้ ก็มักจะนอนมากกว่าทำ 
        และเมื่อครบกำหนด เราก็ต้องมีการประเมินว่ามันบรรลุตามเป้าหมายและแผนการที่วางไว้หรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องมาสรุปทบทวนว่ามันเพราะเหตุใด ควรจะแก้ไขอย่างไรต่อไป ถ้าบรรลุ เราก็ต้องมาตัดสินใจอีกครั้งว่าเราต้องการมากกว่านี้หรือไม่ เราต้องการยอดขายเพิ่มมากกว่านี้อีกหรือเปล่า ถ้าต้องการ ก็ทำกระบวนการอย่างที่ได้ว่าไว้นี้อีกครั้ง ภายใต้เป้าหมายใหม่ 
        จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ไอน์สไตน์ และเอดิสันบอกกับเรานั้น มันเป็นลำดับของกระบวนการตั้งแต่ต้องมีจินตนาการ จากนั้นลงมือทำตามที่ได้จินตนาการไว้ และหมั่นทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา 
        ตรงกับหลักการและกระบวนการจัดการ (management process) ที่ต้องเริ่มจากการมีวิสัยทัศน์ การกำหนดจุดมุ่งหมาย การมีการมีวัตถุประสงค์และเป้าหมาย(Vision/Purpose/Objective) แล้วก็ต้องวางแผน (Planning) จากนั้นก็ต้องสร้างแผนปฏิบัติการขึ้นมา เตรียมความพร้อมทุกด้าน (Organizing) จากนั้นก็ขับเคลื่อน ลงมือทำ (Implementation) แล้วก็ต้องมีการสรุปและประเมินผล (Evaluation) ซึ่งทั้งหมด ทั้งหลาย ทั้งปวงเหล่านี้ คนที่เป็นผู้บริหาร คนที่เป็นผู้นำต้องทำเป็น และต้องทำอย่างเชี่ยวชาญด้วย 
       อยากรวย อยากเพิ่มยอดขาย แต่ไม่ยอมทำอะไรเพิ่ม ท่านว่ามันวิกลจริตไหมล่ะ? อยากมีชีวิตใหม่ให้รวย แต่ยังใช้ชีวิตแบบเดิม ท่านว่ามันสมควรมีชีวิตอยู่หรือไม่?!!? 
                           ขอให้รวยครับ  สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น